โรคแผลริมอ่อนของรักสีม่วง
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่พบได้ เกิดจากการ
โรคแผลริมอ่อนมีติดเชื้อแบคทีเรีย ที่ชื่อว่า Haemophilus Ducreyi เกิดได้ทั้งในเพศชาย และ
เพศหญิง ติดต่อกันได้ ง่ายมากติดได้ทางแผล เกิดขึ้น บริเวณอวัยวะเพศ ต่อมาจะพบว่าที่ต่อม
น้ำเหลืองที่ขาหนีบ บวมโต ติดกันเป็นพืด เจ็บและปวด สามารถดูแล ให้หายขาดการรับประทาน
ยาตามที่ แพทย์สั่งเท่านั้น
สาเหตุการติดเชื้อโรคแผลริมอ่อน
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แกรมลบ มีชื่อว่า “ฮีโมฟิลุสดูเครย์” จำนวนมากเข้าสู่ร่างกายทาง
ผิวหนัง ผ่านรอยถลอก ระหว่าง มีเพศสัมพันธ์ เชื้อจะสร้างสารพิษ ทำให้เกิด แผลบริเวณอวัยวะ
เพศ มีหนองไหลออกมา
การติดต่อของโรคแผลริมอ่อน จะติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ มีการสัมผัสแผล ระหว่างที่มี
เพศสัมพันธ์ เป็นหลักสามารถติดต่อได้จากการปนเปื้อนหนอง รอยถลอก เนื้อเยื่ออ่อนๆ จาก
การใช้มือสัมผัสหนอง โดยตรงไม่ได้ล้างทำสะอาด เอามือไปสัมผัสหรือ เกาที่อื่นๆ ต่ออาจทำให้
ติดเชื้อแผลริมอ่อน ไปที่อวัยวะส่วนอื่นๆได้ อีกต่อไป
ระยะฟักตัวของโรคแผลริมอ่อน : อาการของโรคมักจะเกิดขึ้น เร็วหลังจากการมีเพศ
สัมพันธ์ หรือ ได้รับเชื้อเร็ว ประมาณ 4-7 วัน หรือ อย่างช้าก็ได้ตั้งแต่ 3-10 วัน ลักษณะของ
แผลริมอ่อนส่วนใหญ่ จะมีอาการดังนี้
⏩ มักจะมีหลายแผล ต่อมา แผลเล็ก ๆ
⏩ แผบจะขยายรวมกันเป็นแผลใหญ่
⏩ แผลจะดูคล้ายกับแผลเปื่อย นุ่ม ดูแฉะไม่สะอาด
⏩ มีเนื้อเยื่อเละๆ ที่ก้นแผล ส่วนที่ขอบแผลจะนูน
⏩ ไม่แข็งและไม่เรียบ จึงเรียกว่า “แผลริมอ่อน”
⏩ ถ้าแตะถูกมักจะมีเลือดซิบ ๆ รู้สึกเจ็บ แสบ
⏩ แผลในผู้ชายมักจะมีอาการเจ็บและปวดแผลมาก
⏩ แผลในผู้หญิงมักจะไม่ค่อยมีอาการเจ็บปวดแผล
บางครั้งมักไม่ทันสังเกตว่ามีแผลบริเวณอวัยวะเพศ
ทำให้เกิดการแพร่เชื้อโรค จะพบว่าต่อมน้ำเหลือง ที่ขาหนีบ บวมโต ติดกันเป็นพืด เจ็บ และปวดแสบ
ลักษณะเป็นสีแดงคล้ำ และ นุ่ม อาจแตกเป็นหนองได้ ต่อมน้ำเหลือง ที่ขาหนีบอาจโต เพียงข้างเดียว
โตทั้งสองข้าง หรือ ส่วนใหญ่ จะโตเพียงข้างเดียว บางราย จะมีไข้สูง หนาวสั่น เบื่ออาหาร ปวดเมื่อย
ตามร่างกาย มีอาการเจ็บในขณะ มีเพศสัมพันธ์
โรคริมอ่อนในผู้หญิง มีแผลที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย จะมีตกขาวไหลออกมาจำวนมาก มี
กลิ่นเหม็นรุนแรงมีหนองไหล ตลอดเวลา ที่แผลในช่องคลอด กับ ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ กับ ผิวหนัง
ในบางรายที่เป็นรุนแรง อาจทำให้ อวัยวะเพศ แหว่งหายได้ หรือ ที่คนไทยเรียกว่า “โรคฮวบ“
โรคแผลริมอ่อน ในหญิงมีภาวะแทรกซ้อน มีโอกาสติด “เชื้อโรคเอดส์ “ ได้ง่ายขึ้นอาจมีผลพวง
จากการเป็นแผล ที่มีการติดเชื้อ ชนิดอื่น ๆ ซ้ำ ซ้ำ ซ้ำซากได้ แม้จะดูแลครบครอสทำให้เกิดเป็น
“รอยแผลเป็นแผลดึงรั้ง” บริเวณอวัยวะเพศ
โรคแผลริมอ่อนก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด จนเกิดภาวะหนังหุ้มปลายองคชาตตีบตัน ต่อมน้ำเหลือง
ที่ขาหนีบแตกเป็นหนองไหลออกมา หากไม่ดูแล ภายใน 5-8 วัน หลังจากเกิดแผล เมื่อแผลหาย
แล้วอาจทำให้ เป็นแผลเป็นได้
วิธีดูแลแผลริมอ่อนเมื่อมีแผลเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศ ที่มีต่อมน้ำเหลืองที่
ขาหนีบบวมโต
⏩ ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการดูแลที่ถูกต้อง
⏩ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะแผล ที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศเกิดได้จากหลายโรค
⏩ ต้องใช้ยาดูแล/ป้องกัน คนละชนิดกัน
⏩ หากใช้ยาไม่ถูกต้อง อาจทำให้เชื้อดื้อยาได้
ควรดูแลและปฏิบัติตัวตน เมื่อเป็นโรคริมอ่อน ดังนี้
⏩ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ต้องดูแลคู่นอนควบคู่ไปด้วยเสมอเพื่อไม่ให้โรคเกิดขึ้นซ้ำอีก
⏩ ควรดูแลรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศอยู่เสมอ
⏩ ควรรักษาแผลเฉพาะที่ด้วยการใช้น้ำเกลือชะล้าง (เป็นน้ำเกลือสำหรับใช้ล้างแผล)
⏩ แล้วเช็ดทำความสะอาดแผลให้แห้งอยู่เสมอ ถ้ามีความชื้นอาจมีโรคแทรก
⏩ แค่ล้างแผลก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องใส่ยาอะไร ทั้งสิ้น อาจทำให้แพ้ได้ง่าย
⏩ รับประทานยาแก้ปวดและยาลดไข้
⏩ งดมีเพศสัมพันธ์ ขณะมี แผลจนกว่า แผลจะหาย เป็นปกติ
⏩ งดการดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ขาดสติ จึงเพิ่มโอกาส ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ทุกชนิดเพิ่มขึ้น
⏩ แผลริมอ่อนสามารถดูแลให้หายขาดได้
⏩ การรับประทานยาให้ครบถ้วนตามแพทย์สั่ง
⏩ ไม่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงซ้ำซาก หากดูแลไม่ครบจะทำให้เชื้อดื้อยา
การป้องกันโรคแผลริมอ่อนไม่ให้ลุกลาม
⏩ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรค
⏩ จะเป็นวิธีการป้องกันการเกิดโรคแผลริมอ่อนได้ดีที่สุด
⏩ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลที่อวัยวะเพศ
⏩ หากเป็นแผลที่อวัยวะเพศควรงดการมีเพศสัมพันธ์
⏩ หลีกเลี่ยงการเที่ยวกลางคืนหรือการสำส่อน
⏩ ควรจะสวมถุงยางอนามัยด้วยทุกครั้ง
⏩ ควรรักษาความสะอาดของอวัยวะเพศ (ฟอกล้างด้วยสบู่) หลังการมีเพศสัมพันธ์เสมอ
(การดื่มน้ำก่อนร่วมเพศ และ ถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ หรือ การฟอกสบู่ทันทีหลังร่วมเพศ)
⏩ การกินยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันโรคภายหลังร่วมเพศอาจได้ผลบ้าง
⏩ แต่ต้องใช้ยาชนิดและขนาดเดียวกันกับที่ใช้ดูแล ซึ่งดูแล้วจะไม่คุ้ม
⏩ ออกกำลังกายดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยการดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน
ขอย้ำเตือนชาวเราไว้ณ.ที่นี้ว่า การป้องกันย่อมดีกว่าการเจ็บป่วยและการติดเชื้อเรื้อรัง ทำใหภูมิ
ต้านกันบกพร่องดูแลลำบากมาก หากว่า แผลริมอ่อนหายไป แต่เชื้อโรค ก็ยังคงอยู่ในร่างกายเราอยู่
ในกรณี ที่เป็นโรคแผลริมอ่อนผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างโรคเอดส์ ทำให้การดูแลได้ไม่ดี เพราะอาการ
ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมโต อาจทำให้ “แผลหายช้ากว่าที่อวัยวะเพศ” มักจะค่อย ๆ ยุบลงอย่างช้าๆ
โรคแผลริมอ่อน บางครั้ง อาจแยกออกจากซิฟิลิสได้ไม่ชัดเจน ถ้าอาการยังไม่ดี ขึ้นหรือ สงสัยว่าเป็น
ซิฟิลิสเทียม ควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจให้แน่ชัด แม้ว่าอาการจะหายดี หลังจากวันที่เข้ารับการดูแล
เป็นเวลา 3 เดือน
นอกจากนั้นแพทย์จะแนะนำให้ตรวจเลือดเพื่อหาความเสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น ๆ
ด้วย เช่น โรคซิฟิลิส โรคเอดส์ โรคไวรัสตับอักเสบ ผู้ป่วยควร ไปเจาะเลือดตรวจหา วีดีอาร์แอล
และเชื้อเอชไอวี ด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นโรคซิฟิลิสหรือติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย
AGEL UMI เสริมสร้างโปรตีน และ เอ็นไซม์ให้เป็นเพิ่มภูมิต้านทาน และกระตุ้นสร้าง stem cell ให้ออก
มาจากไขกระดูกได้
AGEL EXO เสริมภูมิต้านมทาน ฟื้นฟูเซลล์ให้แข็งแรง ช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการเกิดมะเร็ง
ปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์
www.gelcremo.com