??? อาหารปลอดกลูเตน (Gluten free diet) ???
กลูเตน เป็นชื่อของโปรตีนชนิดหนึ่งซึ่งพบมาก ในกลุ่มธัญพืชประเภทข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวไรย์ เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทานมังสวิรัติ
กลูเตนจากข้าวสาลี นิยมนำมาใช้เป็นแหล่งโปรตีนจากพืช อันดับสองรองจากโปรตีนถั่วเหลือง มีคุณสมบัติเด่นคือทำให้อาหารมีความยืดหยุ่น เช่น ทำให้ขนมปังเหนียวนุ่มอร่อย แต่การบริโภคกลูเตนอาจมีผลกระทบต่อระบบภูมิต้านทานของร่างกาย บางคนที่อาจมีภาวะแพ้ต่อโปรตีนชนิดนี้ ซึ่งจะมีผลทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อระบบย่อยและดูดซึมอาหารในสำไส้เล็ก ทำให้เกิดภาวะทุพโภชนาการ เพราะเยื่อบุลำไส้อักเสบ หรือถูกทำลาย สำหรับผู้ที่แพ้หรือร่างกายไม่ย่อยกลูเตน หลังกินอาหารที่มีกลูเตนทุกครั้งก็จะรู้สึกไม่สุขสบายท้อง ปวดมวนท้อง คลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเสีย การขับถ่ายผิดปกติ สำหรับเด็กเล็กอาจทำให้การเจริญเติบโตไม่สมวัย
แพ้กลูเตนหรือไม่ รู้ได้อย่างไร ????
แพ้กลูเตน เป็นภาวะที่ระบบทางเดินอาหารไม่สามารถย่อยและดูดซึมกลูเตนได้ สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยทารกถึงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งอาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากการแพ้กลูเตนมีภาวะคล้ายโรคลำไส้อักเสบ การวินิจฉัยโรคจึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจจากแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งสามารถตรวจได้จากการเจาะเลือด เพื่อดูระดับภูมิคุ้มกันของร่างกาย
3 กลุ่มเสี่ยง แพ้กลูเตน
• ผู้ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค Celiac กลุ่มนี้จะเกี่ยวข้องโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อการแพ้ อาการที่พบหลังกินอาหารที่มีกลูเตนจะไม่ชัดเจน หรือแสดงออกทันที แต่จำเป็นต้องควบคุมการกินอาหารอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้มีกลูเตนในอาหาร เพราะจะทำให้ระบบการทำงานของลำไส้ผิดปกติ เยื่อบุผนังลำไส้ถูกทำลาย ซึ่งจะลดประสิทธิภาพของการดูดซึมสารอาหารต่างๆ ทำให้ถึงแม้ว่าจะกินอาหารได้แต่ร่างกายไม่สามารถนำสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ไปใช้ได้อย่างปกตินั่นเอง
• โรคแพ้กลูเตน กลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อการแพ้ คล้ายกับผู้ที่เป็นโรค Celiac แต่อาการจะแสดงชัดเจนหลังกินอาหารที่มีกลูเตน เพราะร่างกายสร้างสารที่ก่อปฏิกิริยาแพ้ อาการแพ้ประเภทนี้เหมือนกับแพ้อาหารอื่นๆ คือหลังจากกินอาหารที่แพ้ ร่างกายก็จะแสดงอาการทันที เช่น ปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย กลุ่มนี้ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีกลูเตนอย่างเครงครัด
• ร่างกายไม่ย่อยกลูเตน กลุ่มนี้ไม่ได้แพ้กลูเตน แต่ร่างกายจะต่อต้านเมื่อมีกลูเตนเข้ามายังระบบการย่อยและดูดซึมอาหาร ซึ่งความสามารถในการย่อยของแต่ละคนไม่เท่ากัน เนื่องจากไม่ใช่เกิดจากอาการแพ้ อาการจึงไม่รุนแรง และปฏิกิริยาหลังกินจะแตกต่างกันตามความสามารถของร่างกาย อาการที่พบบ่อย เช่น อึดอัด แน่นท้อง ปวดศีรษะ ปวดท้อง มีผื่นแพ้ การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลูเตนจะทำให้สุขสบายท้องมากขึ้น
แพ้ต้องเลี่ยง กลุ่มเสี่ยงต้องไม่กินกลูเตน
อาหารปลอดกลูเตนนับเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวทางการบริโภคอาหารครั้งสำคัญ สำหรับผู้ที่แพ้กลูเตนที่จำเป็นต้องปรับตัว ถึงแม้ว่าในภูมิภาคเอเชียของเราจะนิยมกินอาหารที่ทำจากข้าวเจ้ามากกว่าข้าวสาลี แต่แป้งสาลีซึ่งมีโปรตีนกลูเตนด้วยนั้นได้กลายเป็นส่วนประกอบของอาหารที่เราบริโภคกันเป็นประจำในชีวิตประจำวัน จนบางครั้งเราไม่ทันสังเกต

อาหารที่มีกลูเตน
กลุ่มแป้งและเบเกอรี่
- ขนมปัง (bread)
- เค้ก คุกกี้ มัฟฟิน
- แครกเกอร์
- แป้งพิซซ่า
- พาย
- โดนัท
- แพนเค้ก / วาฟเฟิล
- พาสต้า (pasta)
- เส้นบะหมี่ (โดยเฉพาะเส้นที่ทำจากแป้งสาลี)
อาหารสำเร็จรูปและแปรรูป
- ซีเรียลอาหารเช้า (เช่น คอร์นเฟลกบางชนิด)
- ลูกชิ้น ไส้กรอก แฮม (ที่ผสมแป้งสาลี)
- ซุปหรือซอสที่ใช้แป้งข้น เช่น ซอสขาว ซอสเกรวี่
- ขนมขบเคี้ยว เช่น พรีทเซล บิสกิต
- เบียร์ มอลต์ และบางชนิดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
วัตถุดิบและเครื่องปรุง
- ซีอิ๊ว ซอสถั่วเหลืองบางยี่ห้อ (ที่มีส่วนผสมของแป้งสาลี)
- ผงปรุงรส ซุปก้อน
- แป้งอเนกประสงค์ (แป้งสาลีทั่วไป)
- แป้งเทมปุระ / แป้งทอดกรอบ

อาหารไร้กลูเตน
โปรตีนจากธรรมชาติ (ไม่ผ่านการแปรรูป)
- เนื้อสัตว์สด: หมู ไก่ วัว
- ปลา
- ไข่
- ปลาทะเล, ปลาน้ำจืด
- เต้าหู้ (ไม่ผสมแป้งสาลี)
- ถั่วชนิดต่าง ๆ เช่น ถั่วแดง
- ถั่วลันเตา ถั่วดำ
ธัญพืชและแป้งที่ปลอดกลูเตน
- ข้าวขาว / ข้าวกล้อง / ข้าวเหนียว
- แป้งข้าวเจ้า / แป้งมัน / แป้งข้าวโพด
- ข้าวโพด
- ควินัว (Quinoa)
- โพเลนต้า
- เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย
- แป้งอัลมอนด์ แป้งมะพร้าว
ผักและผลไม้สด
- ผักสดทุกชนิด เช่น บรอกโคลี แครอท มะเขือเทศ ผักโขม ฯลฯ
- ผลไม้สดทุกชนิด เช่น กล้วย แอปเปิ้ล มะม่วง แตงโม ฯลฯ
วัตถุดิบและเครื่องปรุงปลอดกลูเตน (บางยี่ห้อเท่านั้น)
- เกลือ พริกไทย
- น้ำปลา
- ซอสปรุงรสที่ระบุว่า “Gluten-Free”
- น้ำมันพืช น้ำมันมะกอก
เครื่องดื่ม
- น้ำเปล่า
- กาแฟดำ ชาไม่เติมอะไรเพิ่ม
- นมสด (ไม่แต่งกลิ่น)
- น้ำผลไม้คั้นสด
ผลิตภัณฑ์ไร้กลูเตนปลอดภัยแต่อย่าวางใจ
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ปลอดกลูเตนจำหน่ายในท้องตลาดมากขึ้น ถึงแม้จะมีป้ายกำกับไว้ก็ควรสังเกตฉลากโภชนาการทุกครั้งเพื่อความมั่นใจ เพราะการปนเปื้อนกลูเตนสามารถเกิดขึ้นจากอุปกรณ์ที่นำมาใช้ปรุงอาหาร เช่น ช้อน เขียง มีดตัดขนมปัง ถ้าจะเริ่มกินผลิตภัณฑ์อาหารไร้กลูเตน ควรเริ่มทีละน้อย และสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเสมอ
อาหารปลอดกลูเตนไม่ใช่อาหารลดน้ำหนัก สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการแพ้สามารถกินอาหารที่มีกลูเตนได้ปกติ ไม่จำเป็นต้องซื้ออาหารที่ระบุว่า “กลูเตน ฟรี (gluten-free)” เพราะอาหารประเภทนี้ยังมีพลังงานเท่ากับอาหารปกติ เพียงแต่ผลิตขึ้นโดยที่ไม่มีส่วนผสมของโปรตีนจากข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์ เช่น ขนมปังสูตรไม่มีกลูเตน แต่ปริมาณไขมัน แป้ง น้ำตาลยังเท่าเดิม
สำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน ควรอ่านฉลากโภชนาการทุกครั้งก่อนเลือกซื้ออาหาร ถ้าไม่มีฉลากโภชนาการหรือไม่แน่ใจส่วนผสมควรหลีกเลี่ยงการบริโภค จำไว้เสมอว่า อาหารชนิดเดียวกัน แต่ส่วนผสมอาจต่างกัน ซึ่งอาจมีแป้งสาลีในอาหารชนิดนั้นด้วย เด็กที่แพ้กลูเตนควรกินอาหารที่ปรุงเองจากบ้านเท่านั้น เพราะอาการแพ้ของเด็กมักรุนแรงกว่าผู้ใหญ่ และเด็กเล็กไม่สามารถเลือกอาหารได้ด้วยตนเอง ผู้ปกครองควรแจ้งให้คุณครูทราบถึงอาการแพ้ด้วย
ปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์
โทร 087-661-2207 (เดียร์)
Line ID : @gelgood
(กรุณาใส่ @ ด้วย)
หรือ Click เพิ่มเป็นเพื่อน
http://line.me/ti/p/~@gelgood

ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการสารอาหารรูปแบบเจลเพื่อการฟื้นฟูสุขภาพ
ประสบการณ์ดูแลและให้คำปรึกษาผู้ป่วยโรคเรื้อรังยาวนานกว่า 10 ปี
ผสานความรู้ด้านโภชนบำบัดกับนวัตกรรมสารอาหาร เพื่อการฟื้นฟูที่เห็นผลจริง
มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิต สู่สุขภาพที่แข็งแรงและยั่งยืนสำหรับทุกคน