หมูทอดกรอบ แหล่งพลังงานอันตราย..!!!
“หมูกรอบ” อร่อยดีแต่มีโทษเพียบ
หนึ่งในอาหารจานโปรดและเป็นที่นิยมของคนไทยคือ “หมูกรอบ” ไม่มีคนไทยคนไหนไม่กิน “หมูกรอบ” และ ปฎิเสธหมูกรอบ อย่าง แน่นอนยังเป็นที่นิยมและเป็นอาหารจานเด็ด กันอยู่ตามร้านข้าว ต้มกุ้ย เช่นข้าวหมูกรอบ หมูกรอบผัดพริกแกง หมูกรอบผัดกะเพราหมูกรอบ ผัดพริกขิง ก๋วยจั๊บใส่หมูกรอบ เยอะไปหมดอ่ะ เพราะหมูกรอบใส่อะไรก็อร่อยทั้ง นั้นแหละนะ
หมูกรอบ 100 กรัม (7-10 ชิ้นคำ) ให้พลังงานประมาณ 385 – 420 กิโลแคลอรี่ ไขมัน 30 กรัม อุ๊บ ! ถ้าทาน ข้าวหมูกรอบ 1 จาน ให้พลังงาน เพิ่มขึ้นเป็น 550 – 600 กิโลแคลอรี่ ถ้าเป็นเมนู หมูกรอบ มีการนำไปผัดกับน้ำมัน ก็จะทำให้ ยิ่งเพิ่มพลังงาน มากขึ้น เป็นเท่าตัวการกินหมูกรอบเป็นประจำทุกวันอาจนำมาซึ่ง ผลต่อสุขภาพ ได้
หมูกรอบมีไขมันอิ่มตัวสูงรวมกับการทอดด้วย น้ำมัน เป็นกลุ่มอาหาร ที่ให้พลังงานสูงมากการบริโภค น้ำมันเข้าไป จะทำให้มีโอกาส ได้รับพลังงานเกิน ตามมาด้วย โรคอ้วน และ อ้วนลงพุง พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจของผู้มีภาวะอ้วนจะทำงานหนักมากกว่าคนปกติ หัวใจบีบตัวให้แรงขึ้นส่งเลือดไปเลี้ยง ให้เพียงพอทั่วร่างกาย ในระยะยาว จะก่อให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติและ เกิดโรคความดันโลหิตสูง ตามมาอีกโรค ครับ
ผู้ที่เป็นโรคอ้วนเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง หลายโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคสมองเสื่อม โรคมะเร็ง
ประเภทของไขมัน/น้ำมัน ที่ใช้ทอดหมูกรอบโดย
ส่วนมากจะใช้ไขมัน ที่มาจากน้ำมันปาล์ม น้ำมันหมู น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์มกับน้ำมันหมูจะมีไขมันอิ่มตัวสูง
ข้อดีของน้ำมัน
คือ สามารถทนต่อความร้อนได้ดีกว่า เพราะ มีจุดหลอมเหลวที่สูงกว่าแต่ไขมันชนิดนี้ “ไม่ดีต่อสุขภาพ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหัวใจ ไขมันอิ่มตัวจะไปเพิ่มระดับแอล.ดี.แอล (LDL-C) หากมีคอเลสเตอรอล ตัวนี้อยู่ในร่างกายมาก จะทำให้เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดตีบตัน หลอดเลือดหัวใจและ หลอดเลือดสมอง น้ำมันผ่านความร้อนสูง น้ำมันจะ เปลี่ยนแปลงไปผู้ขายมักจะใช้น้ำมันสำหรับทอดซ้ำแล้ว ซ้ำอีกหลายครั้ง จะทำให้เกิดสารพิษขึ้นในน้ำมัน เป็นตัวก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็งของระบบทางเดินอาหาร โรคหัวใจหลอดเลือด
เมื่อรับประทานอาหารทอด ทุก ๆ วัน เป็นประจำ เป็นเวลานานๆ พบว่าร่างกายได้รับ สารพิษสะสมอยู่ภายในร่างกาย ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ชนิดต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปากมดลูก เมื่อทอดอาหารจนน้ำมันร้อน ที่จุดเดือดหนึ่งไอน้ำมันจะระเหยอยู่ใน อากาศเมื่อสูดดมเข้าไปในร่างกายแล้วก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคของระบบ ทางเดินหายใจโรคมะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือดขาว ความเค็มที่มาจากการ หมักหมู การกินอาหารเค็มเกินไป จะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ตามมาได้แก่โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคเบาหวาน และ โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร โรคมะเร็งกระดูก
องค์การอนามัยโลกได้เสนอว่า
ปริมาณสารอาหารที่เหมาะสมที่ร่างกายควรได้รับใน แต่ละวันโดย ที่เกลือไม่ควรเกิน 5 กรัม/วัน เท่ากับเกลือ 1 ช้อนชา (หรือเทียบได้กับปริมาณ โซเดียมไม่เกิน 2300 มิลลิกรัม/วัน) ข้าวหมูกรอบ 1 จาน จะมีโซเดียมอยู่ 700-1,000 มิลลิกรัม แต่ไม่ใช่ว่าเราจะต้องเลิก ห้ามไม่ให้กินหมูกรอบเลย อยู่ที่ว่ากินในปริมาณที่เหมาะสม อาทิตย์ละไม่เกิน 1-2 ครั้งเลือกกินหมูกรอบ กับอาหารอย่างอื่น ที่มีผักชนิดที่มี ใยอาหารสูง เช่น ผักสด ผักต้ม แทนการกินหมูกรอบ กับอาหารทอดอย่างอื่น ผัดน้ำมัน สำคัญ คือกินแล้ว ควรออกกำลังกาย เพื่อช่วยลดไขมัน ที่สะสมทำให้เกิดปัญหาอ้วนลงพุงได้
สาเหตุของโรคร้ายนับสิบ ที่พร้อมจะคร่าชีวิตของคุณได้ทุกเมื่อ หมูกรอบ อร่อยดี แต่มีโทษ(เพียบ)
หมูกรอบผ่านกรรมวิธี หลายขั้นตอน หมู 3 ชั้น มีไขมันสูง ยังเอาน้ำมันทอด อีก ต่างหาก จะไม่ให้อ้วนได้ไงน้อ…น้ำมันที่ใช้ทอดหมูส่วนใหญ่ ใช้น้ำมันหมู น้ำมันปาล์ม แม้จะเหมาะสมต่อการประกอบ อาหาร ประเภททอดก็ตาม แต่สารพิษที่เกิดจากการทอดนานๆ ก็ทำให้เสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้ นอกจากนั้นความเค็มที่ได้มาจากการหมักหมูด้วย เกลือ ซ๊อส และ ผงปรุงรส เป็นสาเหตุ สำคัญของโรคต่างๆได้ เช่น โรคไต อย่างที่ใครหลาย ๆ คนเข้าใจว่ามาจากการกินเค็มมากเกินไป และ โรคความดันโลหิตสูง
โรคร้ายที่มาพร้อมกับ”หมูกรอบ”
1. โรคอ้วน ลงพุง
2. โรคกล้ามเนื้อหัวใจทำงานผิดปกติ
3. โรคความดันโลหิตสูง
4. โรคเบาหวาน
5. โรคไต
6. โรคสมองเสื่อม
7. โรคหลอดเลือดหัวใจ และ สมองตีบ
8. โรคระบบทางเดินหายใจ
9. โรคมะเร็งปอด
10.โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
11. โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
12. โรคมะเร็งกระดูก
13. โรคมะเร็งตับ
14. โรคมะเร็งเต้านม
15. โรคมะเร็งปากมดลูก
ทานหมูกรอบอย่างไรให้ปลอดภัย???
ที่พูดมาไม่ใช่ว่า..ไม่ให้ทานหมูกรอบเลยนะค่ะเรายังสามารถทานได้ แต่ควรบริโภคปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไปไม่บ่อยจนเกินไปอาทิตย์ ละ 1-2 ครั้ง ทานอาหารอย้างอื่นร่วมด้วย เช่น ผักต่างๆ ธัญพืชที่มีกากใยสูง ผ่านกรรมวิธีในการปรุงจำพวกต้ม นึ่ง แทนการผัด ทอด และ ที่สำคัญ คือหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดีได้ทานของอร่อยแต่สุภาพ ยังแข็งแรงปลอดภัยดีค่ะ
วิธีป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
โรคหัวใจ ชนิดหนึ่งที่ คนไทย เป็นกันมากขึ้น คือ โรคหลอดเลือด หัวใจตีบตัน หรือ โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจแข็งตัวมีไขมันไปเกาะที่ผนังของหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบลง ปริมาณเลือดแดง ผ่านได้น้อย เป็นผลทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และ หากหลอดเลือดแดงตีบแคบมากจนอุดตัน จะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้มีอาการเจ็บ ร้าวไปที่ คอ ขากรรไกร ไหล่ซ้าย มักเป็นมากขณะออกกำลังกาย ทำงาน เป็นอยู่นานครั้งละ 2-3 นาที อาการจะดีขึ้น ถ้าได้หยุดพัก อมยาขยายหลอดเลือด ที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ บางคนอาจมีอาการจุกแน่นลิ้นปี่ เหมือนอาหารไม่ย่อย บางคนอาจมีอาการใจสั่น หอบเหนื่อย ร่วมด้วยถ้าไม่อยากเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรามาช่วยกันป้องกันโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หลีกเลี่ยงอาหารหวาน อาหารที่มีไขมัน – กะทิ รวมทั้งไข่แดง ทำให้มีการสะสมไขมันในหลอดเลือด ก่อให้เกิดแผ่นคราบไขมัน ควรรับประทานอาหารที่มีไขมันน้อย ผักปลา ผลไม้ อาหารที่มีกากมาก ๆเช่นรำข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง นานครั้งละ 20 นาที แล้วค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลา เพิ่มความถี่ในการออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ จะทำอันตรายต่อผนังบุด้านในหลอดเลือด การสูบบุหรี่ ยังทำให้หลอดเลือดหัวใจหดตัว เป็นการลดปริมาณเลือดที่จะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดกับงานควรทำสมาธิ ฟังเพลงเบา ๆ ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน โดยใช้วิธีออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ถูกต้อง งดขนมหวาน ผลไม้รสหวานจัด เพราะหัวใจ ของ คนอ้วนต้องทำงาน มากกว่าปกติ ตรวจเช็คสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่ถ้ามี อาการเจ็บแน่นหน้าอก เป็น ๆ หาย ๆ ควรปรึกษาแพทย์ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ ขาดเลือด ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถป้องกันได้
ถ้าไม่ ต้องการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ควรหมั่นออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ และ รับประทานอาหารที่ปราศจากไขมัน เน้นทานผัก ผลไม้ ให้มากๆ เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถป้องกันสุขภาพร่างกาย ห่างไกลจาก โรคหัวใจและ โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้อย่างปลอดภัย
ขอบพระคุณข้อมูลดีเลฺิศ
+สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธาณสุข
+ เครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยโดย ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
+ ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
นวัตกรรมใหม่ ของ สารอาหารสุขภาพ สารสกัดจากธรรมชาติ 100% สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เต็มที่สารออกฤทธิ์เร็ว รับประทานง่าย
พบทางออกที่ดีด้วยการใช้สารอาหารบำบัดแบบเจล
คอร์ส บำบัดโรคติดเชื้อ ดูแล ป้องกัน กลิ่น
เพียงทาน AGEL UMI วันละ 1 ซอง เวลา 15.00-17.00 น
ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม >>>
https://www.gelcremo.com/gel-product/agel-umi/
*หนึ่งกล่อง มี 30 ซอง ทานได้ 1 เดือน
เพียงทาน AGEL HRT วันละ 1 ซอง ก่อนนอน (20.00 น.)
ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม >>>
https://www.gelcremo.com/gel-product/agel-exo/
*หนึ่งกล่อง มี 30 ซอง ทานได้ 1 เดือน
เห็นผลภายใน 30 วัน โดยตรวจสอบจากการ ตรวจวัดค่า ก่อนทาน และหลังทาน
>การทานให้เห็นผลควรทานอย่างต่อเนื่อง 4-8 เดือนและวัดค่าจากอาการของผู้ป่วย[ผู้ป่วยแต่ละทาน
ทานมากมาน้อยชึ้นอยู่กับระยะของโรคและการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเพื่อเห็นผลอย่างชัดเจน]
ปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์
www.gelcremo.com
ผลลัพธ์จากผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ AGEL UMI
UMI ฟอกไต โรคไต ระยะสุดท้ายหมอชม เลือดดีประทับใจ กินต่อตลอดชีวิต
HRT โรคหัวใจ เกือบตาย ผ่าตัดไม่ได้ แต่ฟื้นหายดีใน 1 เดือน
ปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์
www.gelcremo.com