ทำไมน้อ…ท้องผูกบ่อยจัง..ทำไงดี!!!

ทำไมน้อ..,ท้องผูกบ่อยจัง..ทำไงดี!!!

ทัองผูกบ่อย โดยทั่วไปไม่ใช่ อาการที่หนักหนา สาหัสเลยค่ะ ยกเว้นคนท้องผูกบ่อย
เป็นประจำ หรือ มีอาการร่วมกับความผิดปกติอื่น ๆ ฮา ยิ่งมีอายุมากจะยิ่งมีอาการ
ท้องผูกบ่อย ถ้าผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ เป็นทุนเดินไม่ค่อยได้

ผลเสียจากการท้องผูกบ่อยของคนเรามีสาเหตุจาก

1. อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารเพราะการย่อย และ การดูดซึมไม่ไดั
2. อาหารที่ไม่ย่อย มักจะหมักหมมกลาย เป็นพิษสะสม ทำให้แบคทีเรียในลำไส้
เสีย สมดุลย์  มีกลิ่นตัว  มีกลิ่นปาก อ่อนเพลีย ภูมิต้านทานต่ำ ปวดเมื้อย
มึนศรีษะ ปวดท้อง  หนาวสั่น เป็นตะคริว
3. เกิดจากการกินยาลดความอ้วนมากเกินไป ยาไม่ละลายเกิดการอุดตันในลำไส้

ว๊าว…เป็นไงนะอาการท้องผูกบ่อยมาลองพินิจดูว่า ระบบของร่างกาย ท้องผูกบ่อย
คือ อุจจาระแข็ง เหนี่ยวอัดเป็นก้อนแข็ง ถ่ายลำบาก
1. ออกแรงเบ่งขณะถ่ายอุจจาระ
2. อุจจาระเป็นก้อนแข็ง
3. รู้สึกถ่ายไม่สุด..ฮาฮา…เป็นกันเยอะนะไม่ต้องอาย
4. รู้สึกมีสิ่งอุดตันภายในถวารหนัก…จริงยอมรับเถอะค่ะ 

หลายสาเหตุที่ทำให้คนเรามีอาการทัองผูกบ่อยๆ
ไม่ไส่ใจตนเองปล่อยผ่านไปเนิ่นนานวัน…เออ..แน่ะ!!…ช่างหัวมัน…ทำงาน
ให้เสร็จก่อนก็ได้…เย็นนี้กินเยอะก็คงถ่ายเอง นั้นแหละ…คุณคิดผิดแล้ว..

1. การอั้นอุจจาระ เป็นประจำ เมื่ออุจจาระไปรอ ที่ลำไส้ใหญ่  ส่วนปลาย
จะมีระบบประสาท กระตุ้นเตือนให้เกิด อาการอยากถ่าย  แต่อั้นอุจจาระ
บ่อย ๆ ๆ จะทำให้ระบบนี้เสียไป
2. การรับประทานอาหารที่มีเส้นใย/กากใยน้อยเกินไป และ การดื่มน้ำสะอาด
น้อยเกินไป
3.  การนั่งอยู่นิ่ง ๆ นาน ๆ ขาดการออกกำลังกาย 
4.  มีความเครียด เคราียดบ่อยๆ ส่งผลให้อาหารไม่ย่อย เหนียว
5.  จุลินทรีย์ที่ดีมีจำนวนน้อย ไม่มีจุลินทรีย์ช่วยย่อยอาหาร
6.  มีการอุดกั้นนับยทางเดินอาหาร เช่น ลำไส้อุดตัน
7.  เป็นเบาหวาน โรคเอ๋อ ไธรอยด์
8.  ดือยาระบาย
9.  ลำไส้แปรปรวน
10. มีความผิดปกติของ เกลือแร่ในร่างกาย โปตัสเซี่ยมต่ำ แคลเซียมในเลือดสูง

ว่าไป..แล้วท้องผูกจะแก้ไขอย่างไรดี??
~ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ให้ท้องผูก หลีกเลี่ยงปัจจัยต่างที่
ทำให้ท้องผูก
~ ป้องกัน ดูแล การท้องผูกบ่อยในขณะที่เป็นให้หาย ให้ทานยาชนิด
เม็ดหรือชนิดน้ำ ให้ยาถ่ายออกฤทธิ์ภายใน 15~20 นาที หรือใช้
ยากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ออกฤทธิ์ค่อนข้างแรงและเร็ว
ทำให้เกิดปวดท้อง

ข้อห้าม ไม่ควรใช้ยาระบายเองเมื่อท่านมีอาการดังต่อไปนี้
    1. มีคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องร่วม                                                                 2.มีอาการริดสีดวงทวารหนักอักเสบ
    3.มีเลือดออกป่นกับอุจจาระ
    4.มีท้องผูกสลับกับท้องเดิน
    5. มีอาการท้องผูกเรื้อรัง
    6. มีอาการไม่ถ่ายอุจจาระและผ่ายลมร่วมด้วย
    7. มีอาการปวดท้องมาก และคลื่นไส้อาเจียน
    8. มีอาการปวดรูทวารหนัก
    9. น้ำหนักตัวลดไม่ทราบสาเหตุ

โรคอันตรายจากระบบขับถ่ายที่คุณคาดไม่ถึงครับ
ท้องเสีย ท้องร่วง โรค ที่เกิดจากระบบขับถ่าย
สาเหตุมาจาการรับประทานอาหาร  ในปัจจุบัน ทาน บุฟเฟ่ ปิ้งย่าง ชาบู ล้วน
แต่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคทั้งสิ้น ทำให้ระบบขับถ่าย ส่งผลต่อสุขภาพ  หาก
ว่าระบบขับถ่ายเราไม่ดี

ส่งผลให้เกิดร้ายแรง ใช่เลยคุณคาดไม่ถึงแน่นอน มะเร็งลำไส้จะเป็นโรคที่มีความรุนแรง
หากไม่รีบรักษาอาจถึงแก่ชีวิตได้  ยังมีอีกหลายโรค ที่มีความรุนแรงไม่แพ้กัน
วันนี้ขอยกตตัวอย่าง โรคที่เกิดจาก ระบบขับถ่าย และ ระบบขับถ่ายเรื้อรัง

วิธีป้องกันโรคมาฝาก…

1. ริดสีดวงทวาร
พบได้ในเพศหญิง และ เพศชาย อาการในระยะแรก จะไม่รุนแรง มักเป็น ๆ หาย ๆ
ริดสีดวงทวาร สามารถหายได้เอง ในระยะแรก แต่บางคนอาจ มีการอาการ ของ
ริดสีดวงทวาร มากขึ้น เรื่อยๆ ถึงระดับที่รุนแรงจนต้องทำการรักษาโดยการผ่าตัด

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร
คือ อาการท้องผูกบ่อยๆและเรื้อรัง  เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด ริดสีดวงทวาร
มากที่สุด อาการท้องเสียบ่อย และ เรื้อรัง มาจากพันธุกรรม และ ความชรา

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร
คือ ควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยมาก ๆ เพราะเส้นใย จะช่วยให้ ระบบขับถ่าย
เป็นปกติ และ ควรถ่ายอุจจาระ อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง  เป็นประจำ และ ดื่มน้ำ
สะอาดอย่างน้อย วันละ 6 – 8  แก้ว เพื่อทำให้ อุจจาระมีลักษณะนิ่มขึ้น ทำให้
ง่ายต่อการขับถ่าย

2. มะเร็งลำไส้ใหญ่
พบได้บ่อย ในผู้ที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไป เกิดจาก อาการท้องผูกบ่อย เป็นระยะเวลานาน
สาเหตุของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ มักเกิดจากการดำเนินชีวิต ที่เปลี่ยนไปของสังคม
ชอบการรับประทานอาหาร มีไขมันสูง หมู่สามฃั้น เนื้อแดง ปิ้งย่าง อาหารมีกากใยน้อย
จะทำให้มีโอกาส เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากขึ้น

สัญญาณเตือน ของ มะเร็งลำใส้ใหญ่ ที่สำคัญ
พฤติกรรมการขับถ่าย เปลี่ยนแปลงไป มีอาการ ท้องผูกสลับท้องเสีย อุจจาระ
ก้อนเล็กลง  มีเลือดปน เป็นอาการ ควรใส่ใจ อาการอื่น ๆ ที่อาจ พบได้ มีอาการ
เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลด ซีด ไม่ทราบ สาเหตุ หากเป็นขั้นรุนแรง
การดูแล ต้องทำการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือ วิธีการใช้รังสีรักษา

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดริดสีดวงทวาร
หลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ส่วนไหม้เกรียม จากการปิ้ง ย่าง ทอดรมควัน
ลดอาหารที่มีไขมันสูง ควรรับประทานอาหาร ให้ครบทุกหมู่ และ ควบคุมระบบ
การขับถ่ายให้เป็น รับประทานผัก ผลไม้ เป็นประจำในปริมาณที่เพียงพอต่อความ
ต้องการของร่างกาย ส่วนใหญ่ความต้องการใยอาหารที่ร่างกายต้องการต่อวัน
เฉลี่ย อยู่ที่ 25 กรัมต่อวัน

3. ลำไส้อักเสบ
ต้นเหตุของ ลำไส้อักเสบ เกิดจากการติดเชื้อในลำไส้ ซึ่งเกิดจาก พฤติกรรมใน
การรับประทานอาหารของคนในปัจจุบัน ที่มักชอบกิน อาหารที่มีกากใยน้อย
รับประทานอาหารประเภท Fast Food (อาหารจานด่วน)มากขึ้น ทานผักผลไม้
น้อยลง พบได้ในคนทุกวัย ส่วนมากจะเป็นๆหายๆหรือบางคนอาจเป็นตลอดชีวิต
อาการ ลำไส้อักเสบ ส่งผลต่อสภาวะจิตใจ ทำให้เกิดความเครียด คิดมาก วิตกจริต

อาการที่บ่งบอกว่าเป็น ลำไส้อักเสบ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้อง ปวดน้อยถึงปวดมาก
แล้วแต่ระยะของโรค และอาจมีอาการไข้ร่วมด้วย หากเป็นต้องไปพบแพทย์ และ ใช้วิธีการ
ตรวจด้วยการส่องกล้องตรวจ มะเร็งลำไส้ใหญ่ และตัดชิ้นเนื้อไปพิสูจน์

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดลำไส้อักเสบ
ใส่ใจเรื่องการรับประทานอาหารให้มากขึ้นหลีกเลี่ยงอาหารที่มี กากใยน้อย  รับประทาน
ผักผลไม้ให้มากขึ้น ขับถ่ายให้เป็นประจำทุกวัน

กนกอร บุญพิทักษ์ หนังสือคู่มือดะแลกระเพาะและดูแลลำไส้

AGEL UMI มะเร็งลำไส้ ระยะ 2 ดีขึ้น

คอร์สบำบัดโรคสำหรัผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ ทวารหนัก
ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม>>>>>

เพียงทาน AGEL UMI วันละ 1-2 ซอง ต่อ วัน เวลา 10.00-11.00น. และ เวลา 16.00-17.00น.
ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม>>>>>        

เพียงทาน AGEL MIN วันละ 1 ซอง ต่อ วัน  เวลาตื่นนอนตอนเช้า

*****การทานให้เห็นผลควนมานอย่างต่อเนื่อง 4-8 เดือน และวัดผลจากอาการของผู้ป่วย*****             (ผู้ป่วยแต่ละทาน ทานมากและทานน้อยขึ้นอยู่กับระยะของโรคและการดูแลสุขภาพผู้ป่วย
เพื่อให้เห็นผลอย่างชัดเจน)

ปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์