……หมายถึง ก้อนเนื้อผิดปกติที่เกิดขึ้นในอวัยวะต่างๆของร่างกาย ตรงกับคำว่า ทูเมอร์ (Tumor หรือ Tumour) หรือบางครั้งเรียกว่า นีโอพลาเซีย หรือ นีโอพลาสซึม (Neopla sia หรือ Neoplasm)
……ลักษณะโดยทั่วไปของเนื้องอกส่วนใหญ่ คือเป็นก้อนเนื้อผิดปกติ เกิดจากการแบ่งตัวเพิ่มปริมาณของเซลล์ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะทำให้อวัยวะที่มีเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้น ใหญ่มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้องอกนั้นๆ ส่วนใหญ่เนื้องอกเวลาคลำดูจะมีความแข็งมากกว่าเนื้อปกติของอวัยวะนั้นๆ โดยมากถ้าเป็นอวัยวะปกติที่คลำได้ง่าย เช่น ผิวหนัง เต้านม อวัยวะเพศ ช่องปาก ต่อมไทรอยด์ ต่อมน้ำลาย ต่อมน้ำเหลือง ทวารหนัก และอัณฑะ เมื่อเกิดเนื้องอกขึ้น มาจะเห็นและคลำได้ง่าย เพราะจะเห็นเป็นก้อนทำให้อวัยวะนั้นมีขนาดใหญ่ผิดปกติ แต่ถ้าเป็นเนื้องอกที่เกิดที่อวัยวะภายในลึกๆ จะสังเกตเห็นหรือคลำตรวจพบได้ยากมากจนกว่าจะมีขนาดใหญ่มากแล้วเช่น ปอด ตับ ไต มดลูก สมอง ตับอ่อน ม้าม ต่อมลูกหมาก และ กระเพาะปัสสา วะ เป็นต้น
……การที่เนื้องอกมีขนาดใหญ่เป็นก้อน ก็เพราะมีการแบ่งตัวเพิ่มปริมาณของเซลล์ที่ผิดปกติของอวัยวะนั้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งการแบ่งตัวเพิ่มปริมาณของเซลล์นี้เป็นการแบ่งตัวที่ร่างกายควบคุมไม่ได้ ไปสั่งการหรือบังคับให้หยุดแบ่งตัวเพิ่มปริมาณไม่ได้ จึงค่อยๆเพิ่มจำนวนของเซลล์ในก้อนเนื้องอก และขนาดก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
……เนื้องอกถือเป็นความผิดปกติของร่างกายมนุษย์ หรือเป็นโรคชนิดหนึ่ง ซึ่งทางการแพทย์จัดไว้ในกลุ่มที่เรียกว่า นีโอพลาเซีย (Neoplasia)
……เนื้องอก แบ่งใหญ่ๆเป็น 2 ชนิดคือ เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง (ไม่ใช่มะเร็ง) ทางการ แพทย์เรียกว่า Benign tumor หรือ Benign neoplasia อีกชนิดคือ เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย หรือที่เรียกว่าโรคมะเร็ง ทางการแพทย์เรียก ว่า Malignant tumor หรือ Malignant neoplasia หรือ Cancer
……เนื้องอกทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างกันในพฤติกรรมของเซลล์ของเนื้องอก ได้แก่ เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงจะโตช้าๆ เพราะเซลล์ของเนื้องอกแบ่งตัวช้า ไม่ค่อยมีการแทรกตัวเข้าไประหว่างเซลล์ปกติ ไม่ค่อยมีการทำลายเซลล์ปกติใกล้เคียง และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีการกินทะลุเข้าไปในหลอดเลือดและท่อน้ำเหลือง ทำให้ไม่มีโอกาสที่เซลล์เนื้องอกจะแพร่กระจายตามหลอดเลือดและหลอดน้ำเหลือง ไปเติบโตเป็นก้อนที่อวัยวะอื่นๆที่อยู่ไกลออกไปได้
……ในทางตรงกันข้าม เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้ายหรือโรคมะเร็ง จะมีขนาดโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเซลล์มะเร็งแบ่งตัวเพิ่มปริมาณเร็วมาก เซลล์มะเร็งจะเบียดแทรกตัวเข้าไปอยู่ระหว่างเซลล์ปกติใกล้เคียง และทำลายเซลล์ปกติเหล่านั้นด้วย ที่สำคัญที่สุดคือ เซลล์มะเร็งสามารถแทรกตัวทะลุเข้าไปในหลอดน้ำเหลืองและหลอดเลือดได้ และอาศัยการไหลเวียนของเลือด และน้ำเหลือง นำพาเอาเซลล์มะเร็งเหล่านี้แพร่กระจายไปเจริญเติบโตเป็นก้อนมะเร็งก้อนใหม่ที่อวัยวะอื่นๆได้ การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งไปสู่อวัยวะอื่นๆนี้ ทางการแพทย์เรียกว่า เมตาสะเตสีส ( Metastasis) ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้คนไข้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งได้
……ในที่นี้ จะกล่าวถึงเฉพาะเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง เนื้องอกชนิดที่ร้ายแรงจะเป็นส่วนของโรคมะเร็ง
……อนึ่ง เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง เป็นโรคที่พบได้น้อย แต่พบได้เรื่อยๆไม่ถึงกับบ่อยนัก และจากการที่พบโรคได้น้อย จึงยังไม่มีสถิติที่ชัดเจนของโรค เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงพบได้ในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ ผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสเกิดได้เท่ากัน
เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงมีสาเหตุมาจาก
……เช่นเดียวกับโรคมะเร็ง สาเหตุที่แน่ชัดของเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงยังไม่ทราบ แต่จากการศึกษาต่างๆ อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่
……ได้รับสารเคมีบางอย่างต่อเนื่องเรื้อรัง เช่น จากสารพิษในควันบุหรี่ สารพิษในแอลกอ ฮอล์ สารพวกสีย้อมผ้าต่างๆ จากยาบางชนิด เช่น ยาสารเคมีที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง
……ติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น ไวรัสเอชพีวีที่เป็นสาเหตุเกิดโรคหูด
……ได้รับรังสีบางชนิด เช่น เนื้องอกต่อมไทรอยด์จากได้รับรังสีจากสารไอโซโทป กรณีอุบัติเหตุต่อโรงงานที่ใช้พลังงานปรมาณู
……มีพันธุกรรมผิดปกติ เช่น เนื้องอกของลำไส้ใหญ่
อาการของเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง
……อาการของเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงมีได้หลายอย่าง ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เป็นเนื้องอกว่าอยู่ตื้นๆเช่นผิวหนัง หรืออยู่ลึกภายในร่างกายซึ่งมองเห็นภายนอกได้ยาก แต่โดยทั่วๆไปแล้ว เนื้องอกมักจะมีอาการดังนี้คือ
- มีก้อนเนื้อผิดปกติเกิดขึ้นที่อวัยวะนั้น เช่น มีก้อนนูนเกิดขึ้นที่ผิวหนัง หรือคลำก้อนเนื้อผิดปกติ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนได้ในเต้านม หรือในช่องท้อง หรือตามแขนขา ก้อนเนื้อเหล่านี้อาจคลำได้โดยตัวผู้ป่วยเอง คลำได้โดยญาติ เช่น มารดาคลำก้อนที่ผิดปกติได้ในท้องของบุตรที่ยังเป็นเด็กทารก หรือตรวจพบโดยแพทย์ที่ตรวจร่างกายก็ได้ ก้อนเนื้อที่คลำได้นี้อาจมีขนาดเล็กถ้าอยู่ในระยะเริ่มเป็น และโดยมากจะมีขนาดใหญ่ขึ้นช้าๆตามเวลาที่ผ่านไป หลักในการสัง เกตทั่วไปคือ ถ้าเป็นเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็งมักจะมีขนาดใหญ่ขึ้นช้ากว่าเนื้องอกที่เป็นมะเร็ง
- ก้อนเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงที่เกิดนั้น มักจะไม่มีอาการเจ็บปวด ถ้ามีก้อนผิดปกติเกิด ขึ้นและมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย โดยมากจะเกิดจากการอักเสบมากกว่าจากเนื้องอก เช่น เป็นฝี (Abscess) แต่เนื้องอกไม่ร้ายแรงบางชนิดก็อาจจะมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วยได้ เช่นเนื้องอกไปกดเส้นประสาทที่อยู่ใกล้เคียง เนื้องอกที่มีการอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เป็นต้น
- ก้อนเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงที่เกิดขึ้น อาจจะทำให้การทำงานของอวัยวะนั้นผิดปกติไปจากเดิม ยกตัวอย่างเช่น
เนื้องอกของต่อมไทรอยด์ที่ไม่ใช่มะเร็ง (Follicular adenoma) อาจจะผลิตฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ (Thyroxine) ที่มากผิดปกติ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการของต่อมไทรอยด์เป็นพิษได้
หรือฮอร์โมน Aldosterone ที่ผลิตออกมาจากเนื้องอกชนิด Cortical adenoma ของต่อมหมวกไต ก็อาจจะทำให้ผู้ป่วยมีภาวะความดันโลหิตสูงได้
……นอกจากนั้น เนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง แต่ไปเกิดในอวัยวะสำคัญ เช่น สมอง ก็อาจจะกดเนื้อสมองทำให้สมองทำงานผิดปกติมีอาการคล้ายโรคอัมพาต อาการชัก หรือ ตามองไม่เห็นได้ เป็นต้น
การรักษาและป้องกันเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง
……เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงที่พบบ่อย และจะกล่าวถึงในที่นี้ คือ เนื้องอก เต้านม มดลูก รังไข่ ต่อมน้ำลาย ต่อมไทรอยด์ เนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง และลำไส้ใหญ่
เนื้องอกเต้านม
……อนึ่ง เท่าที่ทราบไม่มีวิธีป้องกันและยังไม่ทราบสาเหตุแน่นอนของการเกิดเนื้องอกชนิดนี้
……เนื้องอกเต้านมที่พบบ่อยคือ เนื้องอกที่มีชื่อว่า Fibroadenoma ลักษณะเป็นก้อนกลม สีขาว แข็งเท่ากับยางลบ โดยมากเกิดในผู้หญิงอายุน้อย ช่วงอายุ 15-30 ปีพบได้มากที่สุด แต่ในเด็กหรือในผู้หญิงสูงอายุก็พบได้ เนื้องอกชนิดนี้ไม่มีการกลายเป็นมะ เร็ง โดยมากรักษาโดยการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออกโดยไม่ต้องตัดเต้านม หลังผ่าตัดแล้วมักจะหายขาด
เนื้องอกมดลูก
……สาเหตุของเนื้องอกชนิดนี้ยังไม่ทราบแน่นอน บางท่านให้ความเห็นว่า อาจเกิดจากผลของฮอร์โมนเพศ และยังไม่มีวิธีป้องกันแน่นอน แต่การตรวจคลื่นเสียง/อัลตราซาวด์ (Ultrasound) ของมดลูกอาจพบก้อนเนื้อได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
……เนื้องอกที่พบบ่อยคือ เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกที่เรียกว่า Leiomyoma หรือเรียกย่อๆว่า ไมโอมา (Myoma) เป็นเนื้องอกที่มีกำเนิดจากเซลล์กล้ามเนื้อในผนังมดลูก ลักษณะเป็นก้อนกลมสีขาว แข็งเท่ายางลบ อยู่ในผนังมดลูก หรือบางทียื่นเข้ามาในโพรงมดลูก หรือห้อยอยู่ที่ผนังมดลูกด้านนอกก็ได้ สามารถเกิดได้กับผู้หญิงทุกอายุ แต่ส่วนใหญ่จะไม่พบในเด็ก ขนาดมีตั้งแต่ 1 เซนติเมตรจนมีขนาดใหญ่ถึง 30 เซนติเมตรได้ โดยมากมักมีจำนวนมากกว่า 1 ก้อนเสมอ เนื้องอกชนิดนี้กลายเป็นมะเร็งได้น้อยมาก โดยมากใช้การรักษาโดยการผ่าตัดออก ถ้าก้อนเล็กอาจผ่าออกเฉพาะก้อนได้ ถ้าก้อนใหญ่โดยมากต้องตัดมดลูกออกด้วยทั้งหมด การใช้ยาต้านฮอร์โมนเพศหญิงอาจทำให้ขนาดของเนื้องอกชนิดนี้ลดลงได้ และอาจใช้ร่วมกับการผ่าตัดเพื่อให้ก้อนมีขนาดเล็กลงผ่าตัดได้ง่ายขึ้น อาการของเนื้องอกชนิดนี้คือ คลำก้อนแข็งได้ที่ท้องน้อย (อุ้งเชิงกราน) ประจำเดือนมามากและนานผิดปกติ ปวดท้องน้อยเรื้อรัง มีบุตรยาก แท้งบ่อย มีเลือดออกจากมดลูก (เลือดออกทางช่องคลอด) ผิดปกติโดยที่ไม่ ใช่ประจำเดือน และปัสสาวะบ่อยจากก้อนเนื้อกดทับกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเป็นอวัยวะอยู่ติดกับมดลูก
เนื้องอกรังไข่
……การรักษาใช้การผ่าตัดรังไข่ ซึ่งโรคจะหายขาดหลังการผ่าตัด อาการโดยมากจะคลำก้อนผิดปกติได้ที่ท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่ง หรือปวดท้องมากเมื่อมีการบิดที่ขั้วของเนื้องอก
……ยังไม่มีการป้องกันเนื้องอกชนิดนี้ แต่การตรวจภายในทุกปีจะทำให้พบก้อนเนื้องอกที่รังไข่ได้ตั้งแต่เป็นก้อนเล็กๆ
……เนื้องอกของรังไข่ที่พบบ่อยคือ เนื้องอกที่มีชื่อว่า เดอร์มอย (Dermoid cyst) หรือชื่อเป็นทางการว่า Benign cystic teratoma เป็นเนื้องอกที่มีเซลล์ต้นกำเนิดมาจากเซลล์สืบพันธุ์ในรังไข่ที่เรียกว่า Germ cell เซลล์ชนิดนี้ในคนปกติจะกลายเป็นไข่ที่จะไปผสมกับสเปิร์ม (Sperm) หรืออสุจิ กลายเป็นตัวเด็ก แต่ในบางคนด้วยสาเหตุที่ยังไม่ทราบแน่ชัด เซลล์ชนิดนี้จะกลายเป็นเนื้องอกที่มีลักษณะพิเศษคือ มีเส้นผม เส้นขน ไขมัน ฟัน และกระดูก อยู่ในก้อนเนื้องอกคล้ายกับส่วนต่างๆของอวัยวะมนุษย์ ขนาดของก้อนส่วนใหญ่ประมาณ 5-10 เซนติเมตร แต่บางรายใหญ่ถึง 25 เซนติเมตรได้ มีการกลายเป็นมะเร็งน้อยมาก
เนื้องอกต่อมน้ำลาย
……การรักษาใช้การผ่าตัดเอาก้อนออก หรือผ่าตัดต่อมน้ำลายเป็นส่วนใหญ่ และเป็นเนื้องอกที่ยังไม่ทราบสาเหตุและการป้องกัน
……เนื้องอกที่พบบ่อยคือ เนื้องอกที่มีชื่อว่า Mixed tumor ลักษณะเป็นก้อนกลม แข็ง สีขาว อยู่ในต่อมน้ำลาย ส่วนใหญ่เกิดที่ต่อมน้ำลายพาโรติดซึ่งอยู่ที่หน้าหู (Parotid salivary gland) แต่สามารถเกิดได้ในต่อมน้ำลายทุกแห่ง มีการกลายเป็นมะเร็งน้อยมาก
เนื้องอกต่อมไทรอยด์
……การรักษา ใช้การกินยาไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นเวลาหลายๆเดือน ซึ่งอาจทำให้ก้อนเล็กลงได้ แต่โดยมากต้องรักษาด้วยการผ่าตัดออกโดยไม่ต้องตัดต่อมไทรอยด์ทั้งหมด เมื่อผ่า ตัดแล้วจะไม่ค่อยเกิดซ้ำอีก
……สาเหตุของเนื้องอกไม่ร้ายแรงของต่อมไทรอยด์ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่บางท่านพบ ว่า อาจเกี่ยวข้องกับการได้รับธาตุไอโอดินไม่เพียงพอในอาหาร ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุไอโอดินเพียงพอตั้งแต่เด็กๆอาจป้องกันโรคนี้ได้
……เนื้องอกที่พบบ่อยคือ เนื้องอกที่มีชื่อว่า Adenoma มีเซลล์ต้นกำเนิดมาจากเซลล์เยื่อบุต่อมไทรอยด์ ลักษณะเป็นก้อนกลมสีน้ำตาลอ่อน เป็นก้อนนูนออกมาจากต่อมไทรอยด์ มักเคลื่อนตัวตามการกลืน ขนาดโดยมากตั้งแต่ 1 ถึง 5 เซนติเมตร โดยมากพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ช่วงอายุ 12-25 ปีพบได้มาก แต่จริงๆแล้วเกิดได้ทุกอายุตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ สามารถกลายเป็นมะเร็งได้ไม่มาก
เนื้องอกเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง
……การรักษาใช้การผ่าตัดเอาก้อนออก ส่วนมากจะหายขาด ทั้งนี้ไม่ทราบสาเหตุและการป้องกันโรคนี้
เนื้องอกที่พบบ่อยคือ เนื้องอกที่มีชื่อว่า ไลโปมา (Lipoma) ซึ่งมีเซลล์ต้นกำเนิดมาจากเซลล์ไขมันใต้ผิวหนัง ลักษณะเป็นก้อนกลมสีเหลือง นุ่ม ๆ นูนขึ้นมาจากผิวหนัง ส่วนใหญ่ขนาดเล็กประมาณ 1 ถึง 5 เซนติเมตร แต่บางรายอาจมีขนาดใหญ่มากเกิน 20 เซนติเมตรได้ เนื้องอกชนิดนี้ไม่มีการกลายเป็นมะเร็ง
เนื้องอกลำไส้ใหญ่
……การรักษาใช้การตัดออกที่ก้านหรือที่ขั้วของมัน โดยการผ่าตัดผ่านกล้องเข้าทางทวารหนักโดยไม่จำเป็นต้องผ่าท้องแต่อย่างใด เนื้องอกชนิดนี้อาจเกิดซ้ำได้อีก และมีโอกาสที่จะกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้สูงประมาณ 5-40% ขึ้นกับขนาดของก้อนเนื้อ ดังนั้นเมื่อพบแล้วควรตัดออกดีกว่าทิ้งเอาไว้
……อาการของผู้ที่มีเนื้องอกชนิดนี้ไม่คอยมี เพราะส่วนใหญ่ก้อนเนื้อมีขนาดเล็ก แต่ถ้ามีขนาดใหญ่ อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง หรือมีแผลเลือดออกปนมากับอุจจาระได้ ดังนั้นทุกครั้งที่ถ่ายอุจจาระ อย่าลืมมองดูอุจจาระของตัวเองก่อนราดน้ำทุกครั้งว่า มีสีอะไร มีเลือดปนออกมาด้วยหรือไม่ มีความผิดปกติอะไรปนออกมากับอุจจาระหรือไม่ ซึ่งเมื่อพบความผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเป็นโรคนี้หรือโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
……นอกจากนั้น ถ้าสูงอายุโดยเฉพาะถ้าอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป เวลาไปตรวจร่าง กายประจำปี ควรหาโอกาสให้แพทย์ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่บ้างก็จะมีประโยชน์ เผื่อจะพบก้อนเนื้องอกขนาดเล็ก จะได้ตัดออกก่อนที่มันจะกลายเป็นมะเร็ง
……สำหรับสาเหตุของโรคนี้ไม่ทราบแน่นอน มีส่วนน้อยเกิดจากการถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม บางท่านสงสัยสาเหตุจากการรับประทานอาหารที่มีกากและเส้นใยน้อย ทำให้ท้อง ผูกบ่อย สารพิษจากอาหารจึงค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่นาน จึงอาจทำให้เกิดเนื้องอกได้
……ดังนั้นทางที่ดีไม่ควรปล่อยให้ท้องผูก ควรดื่มน้ำให้พอเพียง อุจจาระจะได้ไม่แข็ง ทานผักผลไม้ที่มีกากและใยอาหารมากๆ ฝึกนิสัยให้ถ่ายอุจจาระเป็นประจำทุกวัน อย่าเก็บอุจจาระไว้ 3-4 วันจึงถ่าย เพราะมันนานเกินไป นอกจากเสี่ยงต่อเนื้องอกลำไส้ใหญ่แล้ว ยังมีโอ กาสเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ ลำไส้ใหญ่อักเสบ โรคถุงโป่งพองในผนังลำไส้ (Diverticulosis/โรคถุงผนังลำไส้ใหญ่) อีกด้วย
……เนื้องอกที่พบบ่อยที่สุด คือ เนื้องอกที่มีชื่อว่า Adenoma (ติ่งเนื้อเมือกลำไส้ใหญ่) ลักษณะเป็นก้อนคล้ายติ่งเนื้อ มีก้านงอกขึ้นมาจากผนังลำไส้ใหญ่ ขนาดตั้ง แต่ 0.5 ถึง 3 เซนติเมตร โดยมากมีจำนวนมากกว่า 1 ก้อน ส่วนใหญ่จะพบมากตั้งแต่วัยกลาง คนถึงวัยผู้สูงอายุ
ผลข้างเคียงจากเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง
……เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้หลายประการตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรง ยกตัวอย่างเช่น
……ผลที่เกิดจากการมีก้อนเนื้อผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกายโดยตรง ได้แก่ ผลที่เกิดจากการที่ก้อนเนื้องอก กด ทับ เบียด แทรก เนื้อของอวัยวะปกติที่เกิดเนื้องอกนั้น หรืออวัยวะที่อยู่ใกล้ เคียง ทำให้เนื้อเยื่อปกติมีขนาดฝ่อเล็กลง ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของอวัยวะนั้นลดลง เช่น เนื้องอกของต่อมน้ำลายที่มีขนาดใหญ่ จะกดและเบียดต่อมน้ำลายส่วนที่ปกติให้เล็กลง จึงผลิตน้ำลายได้น้อยลง เป็นต้น การกดเนื้อปกติใกล้เคียงอาจจะทำให้เกิดความเจ็บปวดได้ถ้าก้อนเนื้องอกนั้นไปกดเส้นประสาทที่อยู่ใกล้เคียง เนื้องอกในมดลูกจะเบียดโพรงมดลูกทำให้มีประจำเดือนผิดปกติได้ เช่น มีประจำเดือนมากและนานเกินไป เป็นต้น
……ผลที่เกิดจากการบิดของก้อนเนื้องอก ทำให้เกิดการตายของเซลล์ของเนื้องอกที่เกิดจากการขาดเลือดมาเลี้ยง ผลที่ตามมาก็คือ อาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง เช่น เนื้องอกของรังไข่ซึ่งมีขนาดใหญ่ อาจจะเกิดการบิดที่ขั้วของมัน จึงเกิดอาการปวดท้องรุนแรงได้
……ผลที่เกิดจากเนื้องอกผลิตสารบางชนิดออกมาจากเซลล์ของเนื้องอกและส่งเข้าไปในกระแสเลือด ซึ่งจะไปมีผลต่อการทำงานของอวัยวะอื่นๆได้ เช่น เนื้องอกของต่อมไทรอยด์ อาจสร้างฮอร์โมนต่อมไทรอยด์ทำให้มีอาการของต่อมไทรอยด์เป็นพิษได้ เป็นต้น
เมื่อสงสัยมีเนื้องอกควรทำอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
……เมื่อสงสัยมีเนื้องอกเกิดขึ้นในร่างกายของเรา เช่น คลำก้อนเนื้อผิดปกติได้ในเต้านม(ก้อนเต้านม) อาจจะแข็งเป็นไตหรือนุ่มๆก็ตาม ขั้นแรกอย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่าเป็นเนื้องอก หรือเนื้อร้ายไปก่อนล่วงหน้า เพราะก้อนที่คลำได้นั้นอาจจะไม่ใช่เนื้องอกจริงๆ แต่อาจจะเป็นถุงน้ำ (Cyst) หรือเป็นเนื้อเยื่อที่อักเสบเป็นฝี หรืออื่นๆก็ได้ เราควรจะสังเกตเบื้องต้นว่า ก้อนนี้มีมานานเท่าใด เจ็บปวดหรือไม่ นุ่มหรือแข็ง สัมพันธ์กับอาการ หรือ ภาวะอื่นๆของร่างกายหรือไม่ เช่น มีไข้ร่วมด้วยหรือไม่ สัมพันธ์กับการมีประจำเดือนหรือไม่ เป็นต้น เพื่อที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปแจ้งให้แพทย์ผู้ตรวจรักษาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะนำไปสู่การวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องตามขั้นตอนทางการแพทย์ต่อไป
……ซึ่งเมื่อมีก้อนเนื้อผิดปกติเกิดในตำแหน่งใดก็ตาม ไม่ว่าจะมีอาการอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ก้อนเล็ก หรือก้อนใหญ่ ควรรีบพบแพทย์ภายใน 1-2 สัปดาห์เสมอ เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยแยกจากโรคมะเร็ง
ที่มา : ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ พนัส เฉลิมแสนยากร